การดูเพศชูการ์
ตัวเมีย จะมีกระเป๋าที่หน้าท้อง ตอนที่อายุน้อยจะสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเพราะขนยังขึ้นไม่เต็มที่ และเมื่ออายุโตขึ้นจะสังเกตเห็นได้ยากเพราะขนจะขึ้นปรกคลุมบริเวณนั้น
ตัวผู้ จะมีลูกอัณฑะอยู่บริเวณหน้าที่ (ตำแหน่งเดียวกับกระเ๋ป๋าหน้าท้องของตัวเมีย) และลงมาจะเป็นอวัยวะเพศจะมีลักษณะเป็นเส้น 2 เส้น จะหดอยู่อยู่ในบริเวณทวารหนัก เมื่อโตขึ้นจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะตัวผู้มักจะเอาออกมาทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆ
เรื่องการสืบพันธุ์ของชูการ์
ในช่วง ระหว่างเดือน มิถุนายน ถึง เดือน พฤศจิกายน จะเข้าสู่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ โดยตัวผู้หนึ่งตัวสามารถผสมกับตัวเมียได้หลายตัว ชูการ์จะใช้ระยะเวลาในการทั้งท้อง
ประมาณ 16 วัน ถึง 21 วัน เมื่อคลอดลูกออกมาแล้วลูกจะคลานเข้าสู่กระเป๋าหน้าท้องของแม่
- ตัวผู้พร้อมผสมพันธ์ โดยประมาณ 10เดือน
- ตัวเมียพร้อมผสมพันธ์ โดยประมาณ 8เดือน หรือ 1ปี
วิธีง่ายๆในการดูชูการ์ไกรเดอร์ท้อง
ฝืนใจน้อง ปลิกระเป๋าส่วนหน้าท้อง ถ้ามีตุ่มๆ แสดงว่าน้องกำลังตั้งท้อง แต่ถ้าปลิออกมาแล้วเป็นปกติ(แห้งๆไม่มีตุ่ม)
แสดงว่าไม่ได้ ท้อง หรือ ถ้าปลิแล้ว เจอแดงๆ อย่าตกใจนั่นคือเด็กๆ
Sugarglider
วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
พฤติกรรมที่พบบ่อยๆของชูการ์
1.ซุกซนชอบปีนป่ายในที่สูงๆ เช่น ผ้าม่าน ตู้สูงๆ หรือระเบียง
2.ชอบมุดเข้าไปอยู่ในเสื้อของเจ้าของ (ชอบมาก)
3.ชอบนอนกลางวันเป็นพิเศษ(เพราะเป็นสัตว์หากินกลางคืน)
4.ชอบฉี่หรือ อึ ใส่ตัวเจ้าของ เพื่อบอกอาณาเขต ว่าเค้าเป็นเจ้าของ( พบในตัวผู้มากกว่าตัวเมีย)
5.ชอบกระโจนใส่หน้าเจ้าของ (บางตัว)
2.ชอบมุดเข้าไปอยู่ในเสื้อของเจ้าของ (ชอบมาก)
3.ชอบนอนกลางวันเป็นพิเศษ(เพราะเป็นสัตว์หากินกลางคืน)
4.ชอบฉี่หรือ อึ ใส่ตัวเจ้าของ เพื่อบอกอาณาเขต ว่าเค้าเป็นเจ้าของ( พบในตัวผู้มากกว่าตัวเมีย)
5.ชอบกระโจนใส่หน้าเจ้าของ (บางตัว)
ข้อควรระวัง
1.เรื่องอาหาร ควรจะเป็นของใหม่ อย่าให้อาหารทิ้งค้างคืนพยายามอย่าเกินครึ่งวัน โดยเฉพาะนมแพะ ควรเปลี่ยนใหม่ทุกมื้อเพราะว่านมแพะสดจะเสียง่ายกว่านมอื่น
2.ลำไส้ของชูก้าร์ไม่เหมือนคน ตรงส่วนที่เป็นไส้ติ่ง เพราะใช้ในการหมักอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต(แป้ง) เพื่อให้ได้สารอาหารขั้นสุดยอด(ไม่รู้จะเรียกว่าไร) ซึ่งถ้าสิ่งที่ชูก้าร์กินเข้าไปเป็นอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในลำไส้อาจจะทำให้ ชูก้าร์ป่วยตายด้วยโรคท้องอืดได้ เพราะฉะนั้นผู้เลี้ยงควรระวังอาหารที่มีแก๊สเช่น ทุเรียน กล้วย เป็นต้น และระวังเรื่องการกินทิชชู่เข้าไปด้วย
3.ไม่ควรให้กินผัก ผลไม้ อาหารรสหวานมากจนเกินไป เพราะอาจจะส่งผลกับการมองเห็นได้
4.ไม่ควรให้กินอาหารไขมันสูงมากเกินไป เช่น การให้หนอนในปริมาณมาก เพราะจะทำให้เกิดจุดเล็กๆขาวๆ ในตา เนื่องจากการสะสมของไขมันในตา และอาจ
5.การขาดโปรตีน แคลเซียม และฟอสเฟส เช่น การให้กินแต่ผลไม้ อาจทำให้เป็นโรคกระดูกเสื่อมและโรคเกี่ยวกับฟันได้ ส่งผลให้ขาหลังอ่อนแรงจนกลายเป็นอัมพาตขาหลังได้ ผู้เลี้ยงสามารถให้ ไข่ผง ผงแคลเซียม ไข่แดงต้มสุก ตับบด(ละเอียด) นม ฯ เป็นต้น เพื่อให้สารอาหารนั้นครบถ้วนเพียงพอต่อร่างกายชูก้าร์
6.การขาดวิตามินดี เนื่องจาก ไม่ได้รับแสงแดดเพียงพอ (ชูก้าร์ไกลเดอร์ควรจะได้รับแสงแดดยามเช้า-เย็นแบบอ่อนๆ เช่น แสงก่อนตะวันลับฟ้าซักเล็กน้อย)
7.การออกแดด เป็นสิ่งที่ควรระวังมากๆ เพราะว่า ถ้าพาออกไปที่แดดจ้ามากๆ ชูก้าร์อาจจะมีผลต่อร่างกายและดวงตาได้ ทุกๆท่านต้องอย่าลืมว่า ชูก้าร์ไกลเดอร์ ที่ท่านเลี้ยงนั้นเป็นสัตว์กลางคืน อย่างเช่นดวงตาของชูก้าร์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่ออยู่ในตอนกลางวัน แดดที่จ้า นอกจากจะทำให้ชูก้าร์เป็นฮีทตายได้แล้ว ยังอาจจะทำให้ตาเค้าบอดได้ด้วย เพราะฉะนั้น ทุกท่านโปรดระวังการพาเค้าไปออกแดดจ้าๆด้วย สังเกตุจากแดดที่เราไม่ต้องหรี่ตามองน่าจะพอให้เค้าออกมาตากแดดได้นิดๆหน่อยๆ
8.การปล่อยให้อยู่ตัวเดียว ควรจะมีตะกร้าหรือกรงใส่เอาไว้ เนื่องจากชูก้าร์ชอบซุกตัวตามผ้าโดนเค้าจะชอบมากๆ คือตะกร้าผ้าและตู้เสื้อผ้า และชอบซุกซนตีนป่ายที่สูง ดังนั้นอาจจะค้างเติ่งอยู่บนที่สูง อย่างเช่นหลังตู้เสื้อผ้า ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมได้ เพราะว่าเจ้าของลืมดูว่าเจ้าตัวเล็กหายไปไหน ถ้าอยู่ในตระกร้าผ้า อาจจะถูกปั่นลงเครื่องซักผ้าได้ และถ้าติดอยู่บนที่สูงโดยไม่ได้รับอาหาร เพราะว่าเจ้าของหาไม่เจออาจจะอดตายอยู่บนหลังตู้ได้
9.การใส่ชูก้าร์ ไว้ในกระเป๋าต่างๆ เช่น กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง แล้วเจ้าของหลงลืม เผลอทำตกลงไปในชักโครก ล้วกดน้ำลงไปอีกคราวนี้จมน้ำตายไปเลย หรือการใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อเจ้าของนั่งลง อาจจะทำให้ชูก้าร์แบนตายคากระเป๋ากางเกงได้
10.เวลานอน บางคนบอกว่าไม่สะดวกที่จะเล่นกับเค้าตอนกลางคืน ไม่ว่างจะป้อนอาหารดึกๆ คุณอาจจะเปลี่ยนเวลาตื่นของเค้าได้แต่นั่นเป็นการทำร้ายร่างกายเค้าทางอ้อม อาจจะส่งผลในระยะยาวภายหลังได้
2.ลำไส้ของชูก้าร์ไม่เหมือนคน ตรงส่วนที่เป็นไส้ติ่ง เพราะใช้ในการหมักอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต(แป้ง) เพื่อให้ได้สารอาหารขั้นสุดยอด(ไม่รู้จะเรียกว่าไร) ซึ่งถ้าสิ่งที่ชูก้าร์กินเข้าไปเป็นอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในลำไส้อาจจะทำให้ ชูก้าร์ป่วยตายด้วยโรคท้องอืดได้ เพราะฉะนั้นผู้เลี้ยงควรระวังอาหารที่มีแก๊สเช่น ทุเรียน กล้วย เป็นต้น และระวังเรื่องการกินทิชชู่เข้าไปด้วย
3.ไม่ควรให้กินผัก ผลไม้ อาหารรสหวานมากจนเกินไป เพราะอาจจะส่งผลกับการมองเห็นได้
4.ไม่ควรให้กินอาหารไขมันสูงมากเกินไป เช่น การให้หนอนในปริมาณมาก เพราะจะทำให้เกิดจุดเล็กๆขาวๆ ในตา เนื่องจากการสะสมของไขมันในตา และอาจ
5.การขาดโปรตีน แคลเซียม และฟอสเฟส เช่น การให้กินแต่ผลไม้ อาจทำให้เป็นโรคกระดูกเสื่อมและโรคเกี่ยวกับฟันได้ ส่งผลให้ขาหลังอ่อนแรงจนกลายเป็นอัมพาตขาหลังได้ ผู้เลี้ยงสามารถให้ ไข่ผง ผงแคลเซียม ไข่แดงต้มสุก ตับบด(ละเอียด) นม ฯ เป็นต้น เพื่อให้สารอาหารนั้นครบถ้วนเพียงพอต่อร่างกายชูก้าร์
6.การขาดวิตามินดี เนื่องจาก ไม่ได้รับแสงแดดเพียงพอ (ชูก้าร์ไกลเดอร์ควรจะได้รับแสงแดดยามเช้า-เย็นแบบอ่อนๆ เช่น แสงก่อนตะวันลับฟ้าซักเล็กน้อย)
7.การออกแดด เป็นสิ่งที่ควรระวังมากๆ เพราะว่า ถ้าพาออกไปที่แดดจ้ามากๆ ชูก้าร์อาจจะมีผลต่อร่างกายและดวงตาได้ ทุกๆท่านต้องอย่าลืมว่า ชูก้าร์ไกลเดอร์ ที่ท่านเลี้ยงนั้นเป็นสัตว์กลางคืน อย่างเช่นดวงตาของชูก้าร์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่ออยู่ในตอนกลางวัน แดดที่จ้า นอกจากจะทำให้ชูก้าร์เป็นฮีทตายได้แล้ว ยังอาจจะทำให้ตาเค้าบอดได้ด้วย เพราะฉะนั้น ทุกท่านโปรดระวังการพาเค้าไปออกแดดจ้าๆด้วย สังเกตุจากแดดที่เราไม่ต้องหรี่ตามองน่าจะพอให้เค้าออกมาตากแดดได้นิดๆหน่อยๆ
8.การปล่อยให้อยู่ตัวเดียว ควรจะมีตะกร้าหรือกรงใส่เอาไว้ เนื่องจากชูก้าร์ชอบซุกตัวตามผ้าโดนเค้าจะชอบมากๆ คือตะกร้าผ้าและตู้เสื้อผ้า และชอบซุกซนตีนป่ายที่สูง ดังนั้นอาจจะค้างเติ่งอยู่บนที่สูง อย่างเช่นหลังตู้เสื้อผ้า ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมได้ เพราะว่าเจ้าของลืมดูว่าเจ้าตัวเล็กหายไปไหน ถ้าอยู่ในตระกร้าผ้า อาจจะถูกปั่นลงเครื่องซักผ้าได้ และถ้าติดอยู่บนที่สูงโดยไม่ได้รับอาหาร เพราะว่าเจ้าของหาไม่เจออาจจะอดตายอยู่บนหลังตู้ได้
9.การใส่ชูก้าร์ ไว้ในกระเป๋าต่างๆ เช่น กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง แล้วเจ้าของหลงลืม เผลอทำตกลงไปในชักโครก ล้วกดน้ำลงไปอีกคราวนี้จมน้ำตายไปเลย หรือการใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เมื่อเจ้าของนั่งลง อาจจะทำให้ชูก้าร์แบนตายคากระเป๋ากางเกงได้
10.เวลานอน บางคนบอกว่าไม่สะดวกที่จะเล่นกับเค้าตอนกลางคืน ไม่ว่างจะป้อนอาหารดึกๆ คุณอาจจะเปลี่ยนเวลาตื่นของเค้าได้แต่นั่นเป็นการทำร้ายร่างกายเค้าทางอ้อม อาจจะส่งผลในระยะยาวภายหลังได้
ลักษณะนิสัยชูการ์
สำหรับนิสัยของชูการ์ไกรเดอร์เป็นสัตว์ที่ต้องการความสนใจและเอาใจใส่เป็นอย่างมากเพราะเป็นสัตว์สังคม
ดังนั้นหากคุณตัดสินใจที่จะเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ก็ต้องหมั่นสนใจและเล่นกับเขาบ่อยๆซึ่งหากเล่นกับเขาตั้งแต่ยังเล็กจะเชื่องและติดเจ้าของมาก
วิธีสยบชูการ์ที่ขู่และฉก
ปัญหาการขู่ และฉก มักจะเกิดขึ้น เมื่อชูการ์นั้นรู้สึกว่าถูกคุกคาม รบกวน หรือไม่พอใจ และ เมื่อเราจะพยามจับ ก็จะยกสองข้าหน้า ขู่แล้วก็ฉก
โดยมากแล้ว มักจะเกิดขึ้นตอนที่เรารับน้องชูการ์มาเลี้ยงใหม่ๆ โดยที่เค้ายังไม่คุ้นกับกลิ่น และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ แต่บางตัวไม่เป็นแบบนี้เลยก็มี วันนี้เลยจะมาขอเสนอวิธีการ กำราบเจ้าตัวเล็กกัน
โดยสิ่งสำคัญก็คือ เราห้ามทำท่าว่าเรากลัว หรือเวลาเค้าฉก อย่าดึงมือออกมา เพราะมันเป็นการสร้างนิสัยให้เค้ารู้ว่าถ้าเค้าทำแบบนี้แล้วเราจะกลัว คราวนี้เค้าจะทำตลอด ดังนั้น ห้ามกลัว ให้กล้าๆจับไปเลย เพราะน้องๆเค้ากัดไม่แรง หลังจากนั้นพยามให้เค้าอยู่ในอุ้งมือโดยการ กอบ คือเอามือสองข้างประกบกัน โดยให้เค้าอยู่ในนั้น ถ้าให้ดี หลังป้อนข้าว เล่นเสร็จ ให้กอบเอาไว้จนหลับคามือไปเลยจะดีมาก พยามทำบ่อยๆ
นอกจากนี้ยังมีวิธีสร้างความคุ้นเคยอื่นๆมาแนะนำให้ลองทำกัน ใครทำได้หมด ไม่ต้องห่วงว่าน้องๆชูการ์ไกลเดอร์ของเราจะ ขู่หรือฉกอีกเลย
1. เอาเสื้อเราที่ยังไม่ได้ซักนี่ล่ะครับ ให้น้องชูการ์นอน หรือคลุมตะกร้า จะทำให้เค้าคุ้นกลิ่นเรามากขึ้น
2. ก่อนป้อนอาหารทุกมื้อ ให้เอานิ้วแตะ นม หรือซีรีแลค ที่เราชงเตรียมไว้นี่ล่ะครับ แล้วให้เลียกินจากนิ้วเราซักพักนึง หลังจากนั้นค่อยป้อนตามปกติ ถ้าใช่ dropper ก็สลับกันบ้างก็ได้ครับ เลียจากมือบ้าง ป้อนด้วยดรอปเปอร์บ้าง แต่อย่าลืมล้างมือให้สะอาด ก่อนที่จะให้น้องๆเค้าเลียจากมือเรา
3. พยามจับให้เค้าชิน และรู้ว่าเราไม่ใช่ศัตรู
4. เมื่อน้องชูการ์ยอมให้จับ ควรจะมีรางวัลบ้าง อาจจะเป็นผลไม้ หรือ ผลไม้อบแห้ง เพราะสามารถพกติดตัวได้ง่าย
5. สิ่งสำคัญที่สุดคือความอ่อนโยน และความปลอดภัย เมื่อเราจับเค้าได้ก็ควรทำให้เค้าวางใจได้ว่าอยู่กับเราแล้วปลอดภัย ไม่ใช่จับมาแล้วมาเล่นแรงๆ หรือทำเสียงดังๆให้ตกใจ

ดังนั้นหากคุณตัดสินใจที่จะเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ก็ต้องหมั่นสนใจและเล่นกับเขาบ่อยๆซึ่งหากเล่นกับเขาตั้งแต่ยังเล็กจะเชื่องและติดเจ้าของมาก
วิธีสยบชูการ์ที่ขู่และฉก
ปัญหาการขู่ และฉก มักจะเกิดขึ้น เมื่อชูการ์นั้นรู้สึกว่าถูกคุกคาม รบกวน หรือไม่พอใจ และ เมื่อเราจะพยามจับ ก็จะยกสองข้าหน้า ขู่แล้วก็ฉก
โดยมากแล้ว มักจะเกิดขึ้นตอนที่เรารับน้องชูการ์มาเลี้ยงใหม่ๆ โดยที่เค้ายังไม่คุ้นกับกลิ่น และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ แต่บางตัวไม่เป็นแบบนี้เลยก็มี วันนี้เลยจะมาขอเสนอวิธีการ กำราบเจ้าตัวเล็กกัน
โดยสิ่งสำคัญก็คือ เราห้ามทำท่าว่าเรากลัว หรือเวลาเค้าฉก อย่าดึงมือออกมา เพราะมันเป็นการสร้างนิสัยให้เค้ารู้ว่าถ้าเค้าทำแบบนี้แล้วเราจะกลัว คราวนี้เค้าจะทำตลอด ดังนั้น ห้ามกลัว ให้กล้าๆจับไปเลย เพราะน้องๆเค้ากัดไม่แรง หลังจากนั้นพยามให้เค้าอยู่ในอุ้งมือโดยการ กอบ คือเอามือสองข้างประกบกัน โดยให้เค้าอยู่ในนั้น ถ้าให้ดี หลังป้อนข้าว เล่นเสร็จ ให้กอบเอาไว้จนหลับคามือไปเลยจะดีมาก พยามทำบ่อยๆ
นอกจากนี้ยังมีวิธีสร้างความคุ้นเคยอื่นๆมาแนะนำให้ลองทำกัน ใครทำได้หมด ไม่ต้องห่วงว่าน้องๆชูการ์ไกลเดอร์ของเราจะ ขู่หรือฉกอีกเลย
1. เอาเสื้อเราที่ยังไม่ได้ซักนี่ล่ะครับ ให้น้องชูการ์นอน หรือคลุมตะกร้า จะทำให้เค้าคุ้นกลิ่นเรามากขึ้น
2. ก่อนป้อนอาหารทุกมื้อ ให้เอานิ้วแตะ นม หรือซีรีแลค ที่เราชงเตรียมไว้นี่ล่ะครับ แล้วให้เลียกินจากนิ้วเราซักพักนึง หลังจากนั้นค่อยป้อนตามปกติ ถ้าใช่ dropper ก็สลับกันบ้างก็ได้ครับ เลียจากมือบ้าง ป้อนด้วยดรอปเปอร์บ้าง แต่อย่าลืมล้างมือให้สะอาด ก่อนที่จะให้น้องๆเค้าเลียจากมือเรา
3. พยามจับให้เค้าชิน และรู้ว่าเราไม่ใช่ศัตรู
4. เมื่อน้องชูการ์ยอมให้จับ ควรจะมีรางวัลบ้าง อาจจะเป็นผลไม้ หรือ ผลไม้อบแห้ง เพราะสามารถพกติดตัวได้ง่าย
5. สิ่งสำคัญที่สุดคือความอ่อนโยน และความปลอดภัย เมื่อเราจับเค้าได้ก็ควรทำให้เค้าวางใจได้ว่าอยู่กับเราแล้วปลอดภัย ไม่ใช่จับมาแล้วมาเล่นแรงๆ หรือทำเสียงดังๆให้ตกใจ

วิธีเลี้ยงชูการ์
ถ้ายังเห็นเป็นสีแดงๆที่ท้อง มองเห็นหนังท้อง แสดงว่าแม่ค้าเขารีบยกเพื่อรีบขาย ถ้ามือใหม่หัดเลี้ยงรีบซื้อและดูแลไม่เป็น มีโอกาสเสียชีวิตได้
ชูการ์ ไกลเดอร์ มีอายุขัยเฉลี่ย 10-15 ปี ชูก้า ไกลเดอร์ เป็นสัตว์เชื่อง นำเข้าประเทศไทยเมื่อปี 2542 ปัจจุบันสามารถเพาะพันธุ์ได้แล้ว สำหรับวิธีการเลี้ยง ต้องเตรียมกล่องหรือกรงที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ควรมีความสูงมากกว่าความกว้าง เพราะ ชูการ์ ไกลเดอร์ ชอบกระโดดและปีนป่าย แนะนำให้หากิ่งไม้หรือที่สำหรับปีนป่ายได้ด้วยก็จะยิ่งดี ภายในกล่องหรือกรงควรมีช่องการระบายอากาศที่ดีพอสมควร นอกจากนี้ควรมีถุงนอนหรือผ้าจัดไว้ให้ด้วย เพราะชูการ์ ไกลเดอร์ชอบนอนซุกตามถุงผ้า หรือโพรง เนื่องจากสัตว์พันธุ์นี้ขี้หนาว
ในเรื่องอาหารการกิน ชูก้า ไกลเดอร์ สามารถกินอาหารได้หลายประเภท คือกินได้ทั้งพืชและสัตว์ ชอบกินผลไม้รสหวานอย่างกล้วย แอปเปิ้ล มะละกอ มะมม่วงสุก แตงโม ฯลฯ ทั้งนี้ ควรให้กินผลไม้หลากชนิดสับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้รับวิตามินครบถ้วน นอกจากนี้ควรให้กินแมลงบ้าง เช่น จิ้งหรีด ตั๊กแตน หนอนนก เพื่อเพิ่มโปรตีน
ส่วนปริมาณอาหารในช่วงอายุ 2 เดือนแรก ให้กินวันละ 4-6 ครั้ง เพราะอยู่ในวัยเจริญเติบโต เมื่อย่างเข้าเดือนที่ 3 ลดเหลือวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น อายุ 4 เดือนขึ้นไปให้อาหารวันละ 1 ครั้งคือ ก่อนนอนก็เพียงพอแล้ว ทั้งนี้ ควรเตรียมน้ำสะอาดไว้ในกรงด้วย
และแม้ว่า ชูการ์ ไกลเดอร์ มักจะทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอก็ตาม แต่เมื่อใดที่คุณสังเกตเห็นร่างกายของ ชูการ์ ไกลเดอร์ สกปรกและเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก็สามารถพามันไปอาบน้ำได้ โดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆ เช็ดตามลำตัว จากนั้นรีบเช็ดตัวให้แห้งเร็วๆ ป้องกันไม่ให้ปอดชื้น
สิ่งหนึ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเลี้ยงดูเจ้า ชูการ์ ไกลเดอร์ คือ เล็บอันคมกริบของมัน เวลาที่เค้าเกาะจะเจ็บพอสมควร ยิ่งหาก ชูการ์ ไกลเดอร์ เกิดตกใจจะกระตุกเท้าแล้วเล็บจะจิกเราทำให้เป็นแผลได้ ดังนั้น ควรตัดเล็บโดยนำกรรไกรตัดเล็บมาตัดบริเวณปลายๆ เล็บ ระวังอย่าตัดลึก เพราะอาจโดนเส้นเลือดหรือเส้นประสาทได้ ซึ่งในการตัดเล็บครั้งแรกอาจยากสักหน่อย เพราะความไม่เคยชิน จึงแนะนำให้แอบตัดตอนที่เขานอน หรือกำลังกินจะง่ายที่สุด

ชูการ์ที่ถูกนำมาเลี้ยงควรกินอะไร
ชูการ์ที่ถูกนำมาเลี้ยงเราควรให้เขากินอาหารตามธรรมชาติในป่ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แมลง/โปรตีน สำหรับชูการ์หาได้ง่ายตามท้องตลาดเช่นสวนจตุจักรจะให้ชูการ์กินหนอนนก หนอนแว็กซ์ แมลงเป็นส่วนสำคัญของอาหารชูการ์ในป่าโปรตีนอื่นที่ทดแทนได้เช่นไข่ต้ม ไก่ต้ม โยเกิร์ต แต่ควรให้แมลงอย่างน้อยอาทิตย์ละ4-5วัน สำหรับผลไม้/ผักเห็นได้ชัดว่ายางไม้อาคาเซียและน้ำในเนื้อเยื่อของยูคาลิปตัสไม่สามารถหาได้ง่ายยังคงต้องการส่วนคาร์โบไฮเดรทผัก/ผลไม้ สดหรือแช่แข็งเข้ามาทดแทน

รูปแบบอาหาร

คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์
* มีส่วนผสมของข้าวสาลีและนม เนื้อเนียนนุ่ม หอมกลิ่นนม รสชาติอร่อย ทำให้ทานง่าย ช่วยพัฒนาทักษะการฝึกกลืน การย่อย
* มีจุลินทรีย์ บิฟิดัส บีแอล คัดสรรเฉพาะจากเนสท์เล่ มีคุณค่าสารอาหาร 5 หมู่
* มี DHA วิตามินและแร่ธาตุสูง 16 ชนิด ช่วยในการเจริญเติบโตของร่ายกาย
* ใช้เทคโนโลยี ซีเอชอี C.H.E. (Cereal Hydrolyzed Enzymatically) เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตอาหารเสริมจากเนสท์เล่ ให้เนื้ออาหารละเอียด เนียนนุ่ม เพื่อลูกน้อยย่อยและดูดซึมได้ง่าย
ข้อมูลชูการ์
ชูการ์ไกลเดอร์ หรือที่บางครั้งเรียกกันว่า จิงโจ้บิน (อังกฤษ: Sugar glider, Australia sugar glider; ชื่อวิทยาศาสตร์: Petaurus breviceps) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กชนิดหนึ่ง จัดเป็นสัตว์ที่อยู่ในอันดับสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องจำพวกพอสซั่ม เนื่องจากในตัวเมียจะมีกระเป๋าหน้าท้อง ใช้สำหรับให้ลูกอ่อนอยู่อาศัยจนกว่าจะโตได้ที่
ชูการ์ไกลเดอร์มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับกระรอกบินมาก แต่เป็นสัตว์คนละอันดับกัน เนื่องจากกระรอกบินเป็นสัตว์ที่อยู่ในอันดับสัตว์ฟันแทะ
ชูการ์ไกลเดอร์เป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงตั้งแต่ 6-10 ตัวขึ้นไป และแต่ละฝูงจะมีการกำหนดอาณาเขตของตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งตัวผู้ที่เป็นจ่าฝูงจะมีการปล่อยกลิ่นเพื่อกำหนดอาณาเขตของตนเอง อายุโดยเฉลี่ย 10-15 ปี ตามธรรมชาติแล้ว ชูการ์ไกลเดอร์จะอาศัยอยู่บนต้นไม้ ดังนั้นจึงมีเล็บที่แหลมคมใช้เกาะเพื่อกระโดดข้ามจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง
ขนมีลักษณะนุ่มมาก บริเวณข้างลำตัวของมันจะมีพังผืด ซึ่งสามารถกางได้จากขาหน้าไปถึงขาหลังเพื่อลู่ลมเวลาร่อน เหมือนเช่นกระรอกบิน หรือบ่าง
เป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน โดยอาหารหลัก คือ แมลง ส่วนผลไม้จะถือเป็นอาหารรอง เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความยาวจากจมูกถึงปลายหางจะอยู่ที่ 11 นิ้ว แพร่กระจายพันธุ์ตั้งแต่ปาปัวนิวกินี จนถึงออสเตรเลีย
ชูการ์ไกลเดอร์มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับกระรอกบินมาก แต่เป็นสัตว์คนละอันดับกัน เนื่องจากกระรอกบินเป็นสัตว์ที่อยู่ในอันดับสัตว์ฟันแทะ
ชูการ์ไกลเดอร์เป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงตั้งแต่ 6-10 ตัวขึ้นไป และแต่ละฝูงจะมีการกำหนดอาณาเขตของตัวเองอย่างชัดเจน ซึ่งตัวผู้ที่เป็นจ่าฝูงจะมีการปล่อยกลิ่นเพื่อกำหนดอาณาเขตของตนเอง อายุโดยเฉลี่ย 10-15 ปี ตามธรรมชาติแล้ว ชูการ์ไกลเดอร์จะอาศัยอยู่บนต้นไม้ ดังนั้นจึงมีเล็บที่แหลมคมใช้เกาะเพื่อกระโดดข้ามจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง
ขนมีลักษณะนุ่มมาก บริเวณข้างลำตัวของมันจะมีพังผืด ซึ่งสามารถกางได้จากขาหน้าไปถึงขาหลังเพื่อลู่ลมเวลาร่อน เหมือนเช่นกระรอกบิน หรือบ่าง
เป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน โดยอาหารหลัก คือ แมลง ส่วนผลไม้จะถือเป็นอาหารรอง เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความยาวจากจมูกถึงปลายหางจะอยู่ที่ 11 นิ้ว แพร่กระจายพันธุ์ตั้งแต่ปาปัวนิวกินี จนถึงออสเตรเลีย

สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)